วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

เปิดประวัติ Honda City

          Honda City เป็นรถรุ่นหนึ่งที่ฮอนด้า ผลิตออกมา เพื่อให้เป็นรถรุ่นที่มีขนาดเล็กมาก (Subcompact car) เริ่มผลิตตั้งแต่ พ.ศ. 2524 เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จมากในแถบเอเชีย รถรุ่นนี้ แรกเริ่มเดิมที จะผลิตเป็นรถ Hatchback  แต่ไม่ประสบความสำเร็จทางการตลาดเท่าใดนัก จึงได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นรถซีดานอย่างปัจจุบัน แต่ต่อมาก็ได้มีการผลิตรถ Hatchback แพลทฟอร์มเดียวกับ City นั้นก็คือ Honda Fit หรือ Honda Jazz ซึ่งขายคู่กันกับ City และเป็นรถที่ประสบความสำเร็จมากทีเดียว 

     Generation 1 ( 1981 - 1986 )


          Honda City รุ่นแรก เริ่มผลิตเป็นรถ hatchback 3 ประตู มีจุดเด่นตรงที่รถมีความสูงมาก และมีพื้นที่ภายในที่ดูกว้างขวาง ทั้งๆ ที่ดูภายนอกแล้วรถมีขนาดเล็ก ซิตี้รุ่นแรกนี้ มีกระแสตอบรับมากพอสมควร จนในปีถัดมาซิตี้ก็เริ่มทำรถแบบ convertible เปิดประทุนได้ มีเครื่องยนต์ 2 รุ่นคือ 1231 ซีซี มีแบบธรรมดา 44 แรงม้า และเทอร์โบ 100 แรงม้า และ110แรงม้าในปี1985 โดยส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 2 และ 3 สปีด และเกียร์ธรรมดา 4 และ 5 สปีด

     Generation 2 ( 1986 - 1993 )

          โฉมนี้ City ผลิตเพียง Hatchback 3 ประตูเท่านั้น โฉมนี้ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนโดยทั่วไป เนื่องจากโฉมนี้ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก อาจเป็นเพราะรูปทรงที่ยังไม่โดนใจผู้บริโภค ใช้เครื่องยนต์ 1231 ซีซีและ 1300 ซีซี มีทั้งแบบหัวฉีดและคาร์บิวเรเตอร์

     Generation 3 ( 1996 - 2002 )


          โฉมนี้เป็นโฉมแรกที่บริษัทฮอนด้านำเข้ามาขายในประเทศไทย ในประเทศไทยพ่อค้าเรียกว่าซิตี้รุ่นแรก ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนโฉมเป็น Type Z ซึ่งคล้ายกับ Civic Minorchange มาก ทั้งนี้ ทางฮอนด้า ยกเลิกเป้าหมายที่จะให้ซิตี้เป็นที่นิยมในวงกว้างทั่วโลก เปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายให้ซิตี้เป็นที่นิยมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงได้ออกแบบซิตี้โฉมนี้มาเพื่อคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ โดยเปลี่ยนมาเน้นการผลิตรถ sedan แทนรถ hatchback 

     Generation 4 ( 2002 - 2008 )

          โฉมนี้ในบางประเทศจะใช้ชื่อว่า "ฮอนด้า ฟิต เอเรีย" (Honda Fit Aria) โฉมนี้ยังคงเป็นที่นิยมในถิ่นเดิม เช่นเดียวกับโฉมที่แล้ว และโฉมนี้ มีรุ่นที่ปรับโฉมเล็กน้อย (ไมเนอร์เชนจ์) คือ ฮอนด้า ซิตี้ ZX ซึ่งเริ่มผลิตขึ้นใน พ.ศ. 2548 โฉมนี้เป็นที่รู้จักกันดีคือจะใช้ระบบเกียร์แบบใหม่ CVT 7 สปีด ควบคู่เกียร์อัตโนมัติธรรมดา โดยที่เกียร์ธรรมดา (เกียร์กระปุก) ก็ยังมีขาย และใช้เครื่องยนต์หัวฉีด i-DSI หรือ VTEC 1,500 cc

     Generation 5 ( 2008 - 2014 )


          โฉมนี้ เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2551 โดยจะมี 3 รุ่นให้เลือกในประเทศไทย คือ รุ่น S , V และ SV ซึ่งรุ่น S จะมีราคาที่ถูกสุด และ SV จะมีราคาแพงที่สุด
ราคาที่จำหน่าย Honda City 5th Gen. Pre-facelift
  • S MT 524,000 บาท
  • S AT 564,000 บาท
  • V AT ABS 619,000 บาท
  • V AT (AS) 644,000 บาท
  • SV AT (AS) 694,000 บาท
รูปทรงใหม่ที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย กว้างขวางขึ้น ความมู่ทู่ลดลง ประหยัดน้ำมัน รถราคาถูก และประกอบกับภาวะน้ำมันแพง ทำให้ซิตี้โฉมนี้มียอดจองทะลุเป้าหมายที่ฮอนด้าตั้งไว้
ฮอนด้า ซิตี้ โฉมที่ 5 นี้ ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ระดับประเทศไทย 2 ปีซ้อน (Thailand Car of the Year 2009,2010) ในประเภทรถยนต์นั่ง ในรุ่นไม่เกิน 1,500 ซีซี (Best Sedan under 1,500 cc.)
ราคาที่จำหน่าย Honda City 5th Gen. Facelift
  • S MT 559,000 บาท
  • S AT 599,000 บาท
  • V AT 646,000 บาท
  • SV AT 704,000 บาท
ในปี พ.ศ.2554 ฮอนด้าประเทศไทยได้มีการปรับโฉม Minorchange ฮอนด้า ซิตี้ และในปี พ.ศ.2555 ฮอนด้าได้เปิดตัวรุ่น City CNG ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้พลังงานทางเลือก และ ยังมีรุ่นพิเศษ Modulo ซึ่งตกแต่งด้วยชุดแต่งModulo ก่อนที่จะมีการปรับโฉม Full Modelchange ในปี พ.ศ.2557
ราคาที่จำหน่าย
Honda City CNG
  • S CNG AT 659,000 บาท
  • V CNG AT 706,000 บาท
Honda City Modulo
  • V AT 678,000 บาท
ล่าสุด พ.ศ.2556 ทางฮอนด้าประเทศไทยก็ได้เพิ่มตัวเลือกอีกหนึ่งตัวเลือกในรุ่น SV นั่นก็คือรุ่น SV VSA โดยมีการเพิ่ม VSA, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า, จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX & Child Anchor แต่ก็ต้องขาด "เบาะด้านหลังปรับเอนได้หนึ่งระดับ" ที่มีมาให้เฉพาะในรุ่น SV ไป นอกจากนั้นอุปกรณ์ทุกอย่างเหมือนกับ SV ทุกประการ ยกเว้นราคาที่สูงกว่ารุ่น SV 14,000 บาทซึ่งอยู่ที่ 718,000 บาท

Generation 6 ( 2014 - ปัจจุบัน )

 

          โฉมนี้ เปิดตัวในประเทศไทยในรอบสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2557 โดยจะมี 5 รุ่นให้เลือกในประเทศไทย คือ รุ่น S , V , V+ , SV และ SV+
ซึ่งในโฉมใหม่นี้รองรับน้ำมันเชื้อเพลง E85 ในทุกรุ่นย่อย พร้อมกับระบบ Econ Assist ที่ช่วยให้การขับขี่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
พร้อมทั้งยังมีโครงสร้างนิรภัย G-CON ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยออกตัวในทางชัน HSA(ยกเว้นรุ่นเกียร์ธรรมดา) และไฟเตือนการเบรกกระทันหัน ESS เป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
และตั้งแต่รุ่น V+ ขึ้นไปจะมีเสาครีบฉลาม (Shark Fin) และหน้าจอระบบสัมผัส สำหรับเกียร์อัตโนมัติทุกรุ่นจะได้ระบบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด แบ่งสีที่จำหน่ายเป็นดังนี้
1.สีน้ำเงิน (เฉพาะรุ่น SV/SV+) 2.สีแดง 3.สีน้ำตาล 4.สีดำ 5.สีขาว 6.สีเงิน 7.สีเทา
ราคาที่จำหน่ายและสเปกคร่าวๆของแต่ละรุ่นดังนี้
  • รุ่น S MT ราคา 550,000 บาท เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
  • รุ่น S AT ราคา 589,000 บาท ล้อกระทะขนาด 15 นิ้วลายใหม่ กระจกแต่งหน้าด้านคนขับ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย Bluetooth ราวมือจับ 1 ตำแหน่ง
  • รุ่น V ราคา 649,000 บาท ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ กระจกแต่งหน้าด้านคนขับและผู้โดยสาร มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ จอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ราวมือจับ 3 ตำแหน่ง
  • รุ่น V+ ราคา 689,000 บาท หน้าจอสัมผัส เสาครีบฉลาม ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ กล้องส่องภาพด้านหลัง
  • รุ่น SV ราคา 734,000 บาท ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายใหม่ ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า และคันเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)
  • รุ่น SV+ ราคา 749,000 บาท ถุงลมด้านข้างพร้อมม่านถุงลมด้านข้าง

1 ความคิดเห็น: